ในการเรียนภาษาต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นเพื่อการนำไปใช้ประกอบอาชีพ หรือเรียนเพราะความสนใจของตัวเองก็ตาม เมื่อเรียนภาษาอย่างจริงจังไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ผู้เรียนภาษาจะต้องเจอะเจอก็คือ การสอบเพื่อวัดระดับความสามารถ อย่างในภาษาอังกฤษก็จะมีทั้งการสอบ TOEIC / TOEFL / IELTS ที่รู้จักกันดี ในภาษาเยอรมันเองก็มีการสอบ Zertifikat A1–C2 เพื่อนำเอาคะแนนไปยื่นในกิจการต่าง ๆ เช่น การขอย้ายประเทศ การเข้ามหาวิทยาลัย หรือเพื่อการทำงาน ซึ่งการสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เรียนที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น คือ การสอบวัดระดับ JLPT
การสอบ JLPT คืออะไร ?
การสอบ JLPT (Japanese Language Proficiency Test – 日本語能力試験) คือ การสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เรียนที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาต่างประเทศเพื่อวัดระดับความสามารถของภาษาญี่ปุ่น เมื่อได้รับผลการสอบแล้ว ก็สามารถนำไปใช้ยื่นประกอบกิจการได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่า การยื่นขอเรียนต่อ การสมัครไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น หรือแม้แต่การใช้สมัครงานทั้งในและต่างประเทศ เพราะ JLPT เป็นคะแนนภาษาญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การสอบนี้ไม่จำกัดอายุผู้เข้าสอบ แม้จะเป็นเด็กประถมหรือผู้ใหญ่วัยเกษียณที่เรียนภาษาญี่ปุ่นในยามว่างแล้วต้องการทราบระดับความสามารถของตัวเอง ก็เข้าสมัครรับการทดสอบนี้ได้
JLPT มีกี่ระดับ ?
JLPT แบ่งออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน โดยนิยมเรียกแต่ละระดับว่า N หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 級(Kyuu) ระดับที่ง่ายที่สุด คือ สอบวัดระดับ N5 เป็นระดับพื้นฐานสำหรับน้อง ๆ มัธยมที่ต้องการไปเรียนแลกเปลี่ยนหรือผู้ที่ต้องการไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นควรสอบให้ผ่านก่อน และระดับที่ยากที่สุดคือ N1 ระดับของการอ่านงานวิจัย อ่านข่าว พิธีกร สามารถใช้งานภาษาญี่ปุ่นได้ใกล้เคียงระดับ Native จึงใช้ในการทำงานได้หลากหลายอาชีพ
แนะนำให้อ่าน : ประกาศแล้ว! วันสมัครสอบและวันสอบ JLPT ครั้งที่ 1 และ 2 ประจำปี 2566
ต้องเตรียมตัวอย่างไร หากจะไปสอบ JLPT ?
หากคุณต้องการไปสอบ JLPT เพื่อวัดระดับความสามารถของตัวเอง อาจจะไม่เคร่งเครียดเท่ากับคนที่ต้องการใช้ผลคะแนนเพื่อวัตถุประสงค์ในด้านการเรียนต่อหรือด้านการงานอาชีพ หากคุณต้องการผลการสอบวัดระดับเพื่อยื่นให้แก่หน่วยงาน คุณอาจจำเป็นต้องสมัครเรียนเพื่อให้ได้เทคนิคและเนื้อหาที่ถูกต้องซึ่งจะเป็นการลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น คุณสามารถเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้ แต่อาจใช้เวลานานในการเตรียมตัวกว่าคุณจะได้เนื้อหาในระดับที่สามารถสอบผ่าน ดังนั้นเมื่อคุณรู้แล้วว่าจำเป็นจะต้องสอบ ให้เริ่มหาข้อมูลของวันสอบและวางแผนการเรียนของคุณให้ทันท่วงที การปรึกษาอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นจะช่วยคุณวางตารางและจัดเนื้อหาการเรียนที่เหมาะสมได้และมันจะช่วยประหยัดเวลาไม่ให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ปกติ JLPT จะจัดสอบปีละ 2 ครั้ง คือ วันอาทิตย์ของในเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งที่ 1 และวันอาทิตย์แรกของเดือนธันวาคมเป็นครั้งที่ 2 (ตัวอย่างเช่นในปี 2022 สอบวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม และวันที่อาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม) การสอบแบ่งเป็นช่วงเช้าสำหรับ N5-N4-N3 และช่วงบ่ายสำหรับ N2-N1 แนะนำให้ไปถึงก่อนเวลาสอบสักประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อตรวจดูที่นั่งสอบ และกรณีที่ไม่คุ้นชินสถานที่ อีกทั้งควรเผื่อเวลาหากเกิดสิ่งไม่คาดคิดเช่น ลืมบัตรเข้าห้องสอบ ลืมดินสอ หรืออื่น ๆ
-
ควรเตรียมอะไรไปสอบบ้าง ?
ข้อสอบ JLPT เป็นแบบปรนัยโดยใช้ดินสอ 2B ในการฝนคำตอบ (ไม่มีข้อเขียน) แนะนำให้เตรียมดินสอความเข้ม 2B ติดไปหลาย ๆ แท่งเผื่อฉุกเฉิน ยางลบที่ลบได้สะอาด เพราะหากเหลือรอยเก่าที่เข้มพออยู่ในช่องคำตอบ เครื่องตรวจข้อสอบที่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีในไส้ดินสอ 2B ที่เราใช้อาจจะตรวจจับคำตอบไม่ได้และทำให้เราเสียคะแนนไปฟรี ๆ
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องนำติดตัวไปด้วย คือ บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรสำหรับเข้าห้องสอบ ชาวต่างชาติสามารถใช้พาสปอร์ตแทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ บัตรเข้าห้องสอบไม่สามารถเปิดในอีเมลผ่านโทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่ดูได้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า เราได้หยิบบัตรเข้าห้องสอบติดมาด้วยแล้ว หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องรีบไปพริ้นท์ออกมาใหม่ สนามสอบอาจออกบัตรเข้าห้องสอบชั่วคราวให้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการออกบัตรอยู่ที่ 100 บาท สนามสอบบางแห่งใช้เครื่องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ ทำให้ภายในห้องหนาวมาก อย่าลืมหยิบเสื้อกันหนาวติดไปสักตัว เพราะถ้าต้องนั่งทำข้อสอบ JLPT ในห้องที่อากาศหนาวจนสั่นก็คงไม่มีสมาธิแน่ ๆ ลองทำรายการสิ่งที่ต้องเตรียมเป็นข้อ ๆ แล้วเช็คให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านก็ช่วยได้เหมือนกัน
กฎระเบียบที่สำคัญในการเข้าสอบ JLPT
ในการเข้าสอบไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบนำเครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในห้องสอบ แนะนำให้ปิดเครื่องมือสื่อสารไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ให้เรียบร้อย บางสนามสอบอาจไม่ละเว้นให้แม้จะเปิดเพียงระบบสั่น แต่หากมีเสียงดังเล็ดลอดออกมาอาจถูกปรับว่าเป็นการโกงข้อสอบได้ เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ปิดเครื่องไปก่อนจะดีกว่า รวมถึงนาฬิกาดิจิตอลที่สามารถส่งเสียงได้ก็ไม่อนุญาตให้นำเข้าไป หากต้องการสวมนาฬิกาแนะนำเป็นแบบเข็ม หรือจะดูนาฬิกาจากภายในห้องสอบก็ได้เช่นกัน ไม่อนุญาตให้ใช้ปากกาเขียนลงในข้อสอบใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้แค่ดินสอที่พกไปเขียนได้ทั้งชื่อ หมายเลขที่นั่งสอบ และฝนคำตอบได้เลย
ส่วนการแต่งกายในการเข้าสอบ JLPT นั้นผู้เข้าสอบสามารถแต่งตัวด้วยชุดลำลองหรือชุดสุภาพได้ ไม่ควรใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นเกินไป เชื่อว่าผู้เข้าสอบทุกท่านสามารถพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเลือกเครื่องแต่งกายได้อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องใส่ชุดของหน่วยงาน ขอเพียงให้คล่องตัวและมีความสุภาพทั่วไปก็พอ
ข้อสอบ JLPT มีทั้งหมดกี่ข้อ และเกณฑ์การสอบผ่าน คือกี่คะแนน
ข้อสอบ JLPT มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 180 คะแนน แบ่งเป็นคำศัพท์ คันจิ ไวยากรณ์ การอ่าน และการฟัง แต่การคิดคะแนนจะไม่มีกฎตายตัวว่าเป็นข้อละ 1 คะแนน แต่จะใช้ระบบเฉพาะโดยการคำนวณความยาก-ง่ายของข้อสอบแต่ละข้อมาคิดกับเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้เข้าสอบที่ตอบถูกและหารออกมาเป็นคะแนนของข้อนั้น ๆ ถ้าข้อไหนมีเปอร์เซ็นต์ตอบถูกมากข้อนั้นก็จะมีจำนวนคะแนนน้อย จึงทำให้ไม่สามารถฟันธงได้ว่าต้องคิดคะแนนอย่างไร แต่มีการระบุคะแนนรวมไว้ว่าจะต้องได้เท่าไหร่จึงจะผ่านเกณฑ์
หากมีพาร์ทใดพาร์ทหนึ่งคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ต่อให้ได้คะแนนรวมเยอะ ก็จะถือว่าสอบไม่ผ่าน
ข้อสรุป
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นและเกิดคำถามว่า JLPT คืออะไร สอบเมื่อไหร่ และสิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง ก็หวังว่าจะได้คำตอบกันไปแล้วในบทความนี้ หากคุณสนใจและอยากวางแผนการเรียนเพื่อเตรียมสอบ JLPT อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทักเข้ามาที่ข้อความเพื่อพูดคุยกับเอริเซ็นเซและช่วยกันวางแผนการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ที่เหมาะกับคุณ รวมถึงหากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ JLPT และการเรียนภาษาญี่ปุ่น สามารถไปติดตามเพจเรียนภาษาญี่ปุ่นกับเอริ ทางเฟสบุ๊กรวมถึงสามารถแวะมาอัปเดตบทความดี ๆ ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของเราได้เลย