เมื่อเราเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อการท่องเที่ยวหรือไปทำงาน ไปเรียนต่อ แรก ๆ ที่เรายังไม่รู้จักที่ทางดีนัก แน่นอนว่าอาจจะมีงง ๆ หานั่นหานี่ไม่เจอบ้าง หากเรารู้ประโยคที่ใช้สำหรับถามทาง หรือถามหาสถานที่ต่าง ๆ เอาไว้ก็จะเป็นประโยชน์ช่วยให้เอาตัวรอดได้ง่ายขึ้น เรามาดูประโยคถามทางเป็นภาษาญี่ปุ่นที่สามารถนำไปใช้งานได้กันค่ะ
ถามด้วยประโยคระดับง่าย ๆ แต่ใช้ได้ทุกที่
เริ่มกันด้วยประโยคระดับเบสิกที่สามารถนำไปใช้ถามหาทั้งสถานที่ สิ่งของ หรือว่าคนก็ยังได้ นั่นคือประโยค “…wa doko desuka?“(~はどこですか。)แปลตรงตัวง่าย ๆ ว่า “…อยู่ที่ไหนครับ/คะ” คำว่า “doko”(どこ)แปลว่า “ที่ไหน” บางครั้งคนญี่ปุ่นจะใช้ศัพท์คำนี้ในรูปแบบที่สุภาพขึ้น คือ คำว่า “dochira“(どちら)แน่นอนว่าเราก็ใช้ได้เหมือนกันและยังทำให้ประโยคมีความสุภาพ ยกระดับขึ้นอีกด้วยค่ะ
ถามหาสถานที่ด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เจาะจง คำตอบก็จะละเอียดขึ้น
อีกประโยคที่ใช้ได้แต่ผู้เรียนในระดับต้น หรือคนที่สนใจภาษาญี่ปุ่นโดยทั่วไปอาจจะไม่คุ้นชิน ก็คือประโยค “…wa doko ni arimasu ka?” / “…wa dokoni imasu ka?” (~はどこにありますか。/~はどこにいますか。)สำหรับประโยคนี้ คำว่า “doko”(どこ)ก็สามารถเปลี่ยนเป็น “dochira”(どちら)ได้เหมือนเดิมเพื่อให้สุภาพขึ้น แต่ “arimasu ka?” จะใช้สำหรับถามหาสิ่งของ หรือสถานที่ต่าง ๆ ส่วน “imasu ka?” จะใช้ในการถามหาตำแหน่งของบุคคล หรือสัตว์ ทั้งสองคำแปลว่า “มี,อยู่” แต่จะแบ่งใช้กับสิ่งที่ต่างกันเท่านั้นเอง
-
ตัวอย่างประโยคถามทางเป็นภาษาญี่ปุ่น
A : すみませんが、出口4はどこですか。
(sumimasenga, deguchi yon wa doko desuka?)
ขอโทษนะคะ ทางออกหมายเลข 4 อยู่ตรงไหนเหรอคะ ?
B : 出口4ですか。あそこですよ。
(deguchi yon desuka? asoko desuyo)
ทางออกหมายเลข 4 หรือครับ..? อยู่ด้านโน่นแน่ะครับ
-
ตัวอย่างประโยคถามทางเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ซับซ้อนขึ้น
A : すみませんが、切符売り場は どこにありますか。
(sumimasenga, kippu uriba wa doko ni arimasu ka?)
ขอโทษนะครับ สถานที่ขายตั๋วอยู่ตรงไหนครับ
B : 切符売り場ですか。あのエスカレーターに乗ってください。
窓口は右にあります。
券売機は左です。
(kippu uriba desuka. ano esukareetaa ni nottekudasai)
(madoguchi wa migi ni arimasu)
(kenbaiki wa hidari desu)
ที่ขายตั๋วเหรอคะ ? ขึ้นบันไดเลื่อนตรงโน้นไปเลยค่ะ
ช่องขายตั๋วจะอยู่ด้านขวามือ
เครื่องขายตั๋วจะอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ
เมื่อเราใช้คำถามที่ยาวขึ้น ก็มีแนวโน้มจะได้รับคำตอบที่ยาวขึ้น อธิบายละเอียดยิ่งขึ้นได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งสองรูปแบบสามารถใช้ทดแทนกันได้เลยในสถานการณ์ของการสอบถามตำแหน่งของบางสิ่งบางอย่าง แต่ในบางสถานการณ์ รูปแบบแรกอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ เพราะสามารถแปลได้หลากหลาย ในขณะที่รูปแบบที่สองจะให้ความหมายที่ชัดเจนกว่าค่ะ
ข้อสรุป
การถามทางด้วยภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผู้เรียนมักจะกังวลเกี่ยวกับการที่จะต้องเป็นฝ่ายเข้าไปถามคนญี่ปุ่นก่อน และกังวลว่าจะสามารถเข้าใจคำตอบที่ได้รับกลับมาหรือไม่ แนะนำให้พกความมั่นใจเข้าไปก่อน พูดด้วยความเร็วช้า ๆ เพื่อให้เค้าทราบก่อนว่าเราเป็นชาวต่างชาติ จากนั้นค่อย ๆ เสริมภาษาอังกฤษแทรกได้ค่ะ (ถ้าเรายังเรียนภาษาญี่ปุ่นมาไม่นาน) คนญี่ปุ่นส่วนมากใจดี และยินดีช่วยเหลือชาวต่างชาติค่ะ ในขณะที่ถ้าเราทักด้วยภาษาอังกฤษตั้งแต่แรก ชาวญี่ปุ่นบางคนจะเกิดความกังวล แค่คำว่า “Hello” ก็อาจโดนตอบกลับว่า “No English” ก็ได้นะคะ สามารถติดตามเอริเซ็นเซได้ทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ มาอัปเดตสิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นฟรี ๆ ด้วยกันได้ทุกวัน หากสนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์กับเรา สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดคอร์สต่าง ๆ ได้ผ่านทางเพจเรียนภาษาญี่ปุ่นกับเอริได้เลย