ในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อการเรียนด้วยเช่นกัน เนื่องจากนักเรียนไม่สามารถไปเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบสด ๆ ที่สถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นได้ จึงต้องเรียนผ่านคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบออนไลน์ด้วยตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่นักเรียนหลาย ๆ คนอาจจะมองว่า การเรียนในระบบออนไลน์นั้น นักเรียนไม่ได้รับเนื้อหาที่เข้มข้นเท่ากับไปเรียนสด ๆ ในห้องเรียน เอริเลยจะมานำเสนอข้อดี-ข้อเสียในการเรียนออนไลน์ และเทคนิคการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ให้ได้ผลดี ไม่ต่างจากเรียนในห้องเรียนที่สถานบันสอนภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ
อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้ผล ต้องรู้จักปรับเปลี่ยน Mindset
ความคิดของเราเป็นรากฐานและหัวใจสำคัญที่ส่งผลต่อการกระทำของเรา เคยได้ยินกันมั้ยคะว่า ถ้าจิตใจป่วย ร่างกายก็จะป่วยตามไปด้วย การเรียนก็เช่นกัน ถ้าเราไม่กล้าเรียนออนไลน์เพียงเพราะได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่นว่าเรียนไม่รู้เรื่อง หรือเคยเรียนด้วยตัวเองแล้วแต่ไม่รู้เรื่อง ก็ใช่ว่าคอร์สเรียนออนไลน์ทุกคอร์สจะเป็นแบบนั้นนะคะ เพราะการสอนและการอธิบายเนื้อหา เป็นเทคนิคและสไตล์เฉพาะบุคคลของอาจารย์ผู้สอน หากเราไม่สามารถเข้าใจคำอธิบายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เราก็แค่ต้องหาคำอธิบายรูปแบบอื่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะเข้าใจ ที่สำคัญคือเราต้องมี Mindset หรือแนวความคิดที่สนับสนุนการเรียนรู้ของตัวเองด้วย เช่น การได้รู้จักคำอธิบายหลาย ๆ แบบก็ดี ทำให้เราจำไปใช้ได้เยอะ เรียนคอร์สนี้ไม่เข้าใจ ก็ทำให้เราได้รู้ว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับการอธิบายในลักษณะนี้ เราสามารถใช้ประโยชน์ในจุดนั้นเพื่อเลือกคอร์สที่เหมาะกับเราได้เมื่อเรามองหาคอร์สเรียนในครั้งต่อไปค่ะ
แนะนำให้อ่าน : 5 ช่องทางเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี คุณก็เรียนภาษาด้วยตนเองได้
อย่าให้อิสระมาทำให้เป้าหมายของเราพัง!
จะบอกว่าเป็นข้อเสียก็คงจะไม่ผิดนัก สำหรับการเรียนออนไลน์ที่ผู้เรียนสามารถเข้าไปเรียนได้ด้วยตนเองเวลาไหนก็ได้เมื่อสะดวก บางครั้งเราใช้เวลากับธุระส่วนตัวและกิจวัตรในชีวิตประจำวันจนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เมื่อเราเริ่มผัดเวลา หรือเลื่อนเวลาไปแล้วครั้งหนึ่ง นิสัยนั้นก็จะตามมาอีก เพราะสมองเกิดความเคยชินว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งเร่งด่วน ไม่จำเป็นต้องรีบทำ ซึ่งหากเกิดความคิดแบบนี้โดยไม่รู้ตัว ก็อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราทิ้งเป้าหมายของเราไว้กลางทางได้ในที่สุด ดังนั้นถึงแม้จะมีอิสระแค่ไหน ก็ควรจำกัดกรอบให้ตัวเองไว้บ้าง เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้โดยไม่เป๋ออกนอกเส้นทางนานจนเกินไป
เทคนิคเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ ทำยังไงให้เรียนรู้เรื่อง
เทคนิคในการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์นั้น สามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนภาษาด้วยตัวเอง หรือเรียนที่สถานบันแบบตัวต่อตัวได้เช่นกัน ซึ่งบางข้ออาจเป็นสิ่งที่ผู้เรียนรู้อยู่แล้ว แต่ยังหลงลืมหรือหละหลวม ถ้าเรารู้ตัวแล้ว ให้รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราทันที เพื่อให้ส่งผลดีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเรา (อ่านเทคนิคการเรียนภาษาแบบ Pomodoro)
-
วางเป้าหมายให้ชัดเจน
การวางเป้าหมายในการเรียนแต่ละครั้งให้ชัดเจน จะช่วยให้เรามีสมาธิกับการเรียนมากยิ่งขึ้น และสามารถติดตามพัฒนาการทางด้านภาษาของตัวเองได้ดีกว่า เมื่อเราเห็นผลลัพธ์กับตัวเองชัดเจน ก็จะเกิดกำลังใจในการทำต่อไปเรื่อย ๆ จนสำเร็จ แต่ไม่ควรตั้งเป้าหมายระยะยาวที่เป็นเพียงความคาดหวังอย่างเดียว ควรตั้งเป้าหมายในการเรียนต่อครั้งด้วยว่า ครั้งนี้เราต้องการอะไร เราควรได้อะไรจากการเรียนครั้งนี้ และทำให้สำเร็จไปทีละขั้นตอน อย่าพยายามข้าม หรือคิดถึงภาพรวมมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความเครียด และหมดกำลังใจในการเรียน
-
จัดตารางให้ตัวเองและทำตามอย่างเคร่งครัด
ข้อดีอีกข้อของการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ คือ เราสามารถเข้าไปเรียนเมื่อเรามีเวลาว่าง โดยไม่ต้องรอตารางสอนว่างจากอาจารย์ให้เสียเวลา อีกทั้งสามารถสอบถามอาจารย์แบบตัวต่อตัวได้ เหมาะกับใครที่มีความกลัวที่จะต้องถามคำถามต่อหน้าคนเยอะ ๆ แต่หากเราปล่อยให้ตัวเองมีอิสระจนเกินไป ก็อาจเป็นการทำลายวินัยในการเรียน ควรเซ็ตตารางเรียนให้ชัดเจนไปเลยว่า แต่ละวันเรามีเวลาว่างช่วงกี่โมง สามารถเรียนได้ถึงกี่โมง วันไหนบ้าง และควรแบ่งเป็นเวลาเรียนครึ่งหนึ่ง และเวลาทบทวนทำแบบฝึกหัดอีกครึ่งหนึ่งจากเวลาที่เราว่างทั้งหมด ปฏิบัติตามตารางของตัวเองอย่างเคร่งครัด ไม่นานก็จะเก็บเนื้อหาได้ครบถ้วนอย่างแน่นอน
-
เกิดข้อสงสัยห้ามเก็บไว้เด็ดขาด
ระหว่างที่ดูบทเรียนออนไลน์ หากเกิดคำถาม ควรหากระดาษโน้ต เช่น กระดาษโพสต์อิท มาเขียนคำถามติดไว้ก่อน เมื่อจบบทเรียนแล้ว ให้กลับไปทบทวนอีกครั้ง เพื่อหาคำตอบของคำถามที่เราจดเอาไว้ หากยังไม่พบคำตอบ ควรรีบสอบถามไปยังผู้สอนทันที เพราะในเวลาที่เราสงสัย สมองจะพร้อมจำคำตอบที่ได้ยิน หากปล่อยไว้นาน ความแอ็คทีฟนั้นจะหายไป ทำให้ลืมคำถาม และสิ่งที่ไม่เข้าใจก็จะค่อย ๆ ทับถมไปเรื่อย ๆ จนเกิดความเบื่อหน่ายในการเรียนไปในที่สุด
-
อย่าใช้เวลาเรียนนานจนเกินไป
มีเวลาว่างทั้งวัน เรียนยาว ๆ ไปเลย แล้วพักพรุ่งนี้ดีกว่า ใครเคยทำแบบนี้บ้างคะ? ถ้าใครยังทำแบบนี้อยู่แนะนำว่า ให้หยุดใช้วิธีนี้ และเปลี่ยนไปวางตารางที่เน้นความสม่ำเสมอมากกว่าระยะเวลาจะดีกว่า เช่น ทำทุกวัน แต่วันละแค่ 30 นาที และทบทวนเนื้อหาอีก 30 นาที (หรือปรับตามความเหมาะสม) เพราะการเรียนแบบรวดเดียวนั้น ผู้เรียนจะได้รับเนื้อหาใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ต่อเนื่องยาวนาน ทำให้มีเรื่องที่ต้องจำเยอะ เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก็เยอะ เกิดความเหนื่อยล้า เมื่อหยุดพักไปก็รู้สึกไม่อยากกลับมาเรียนต่อ ควรวางแผนเรียนอย่างน้อยวันละ 1 ไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น พร้อมทำแบบฝึกหัด ทำน้อย ๆ แต่ทำต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นในระยะยาวแน่นอนค่ะ
-
ผ่อนคลายนอกตำราบ้างบางครั้ง
ตำราเรียนเป็นสิ่งพื้นฐานที่เราควรรู้เกี่ยวกับเนื้อหาที่เราเรียน แต่แท้จริงแล้วตำราเรียนนั้นมีไว้เพื่อให้เราได้รู้จักพื้นฐานและนำไปต่อยอดใช้งานจริง ไม่ใช่ว่าในตำราจะมีทุกสิ่งทุกอย่างเขียนเอาไว้ (ความรู้มันเยอะมากนะคะในโลกนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด เขียนลงตำราคงหนามาก แค่เห็นก็ไม่อยากเรียนแล้ว…) ดังนั้นหากผู้เรียนนำสิ่งที่เรียนไปต่อยอดในด้านอื่น ๆ เช่นนำไปพูดคุยกับคนญี่ปุ่น ลองเขียนไดอารี่ประจำวันของตัวเอง ดูรายการต่าง ๆ ที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ในระดับที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้ เพื่อสร้างความคุ้นชินกับภาษานอกเหนือจากตำรา ก็จะเกิดการเรียนรู้ให้รู้จักประยุกต์ และรู้สึกสนุกกับการเรียนภาษามากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ข้อสรุป
ขอเพียงเรากล้าลงมือ กล้าที่จะเริ่ม ถ้าผ่านครั้งแรกไปได้ ครั้งต่อ ๆ ไปก็ง่ายขึ้นเยอะ อย่าให้ความคิดเรามาปิดกั้นความสำเร็จ ยุคนี้คนที่หยุดนิ่งคือคนที่เสียเปรียบค่ะ หากใครพร้อมเปิดใจให้กับการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ด้วยตัวเองแล้วละก็…สามารถเข้าชมคอร์สภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ของเอริได้เลย มีคอร์สที่เหมาะกับผู้เรียนตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ไม่มีพื้นฐาน ไปจนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT เนื้อหาสอนด้วยสไตล์เอริแบบ Story Telling ผู้เรียนจะได้รู้จักที่มาที่ไปของภาษาที่มากกว่าการท่องจำ พร้อมด้วยการซัพพอร์ตนักเรียนแบบส่วนตัวผ่านทางไลน์ หากสนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์กับเรา สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดคอร์สต่าง ๆ ได้ผ่านทางเพจเรียนภาษาญี่ปุ่นกับเอริได้เลย